ฉีดฟิลเลอร์หลังมือฉีดแก้มือเหี่ยวย่น

นอกจากใบหน้าแล้ว หลังมือหลายๆ คนก็อยากจะได้ความอ่อนเยาว์กลับคืนมา ซึ่งสำหรับอายุที่มากขึ้น ก็จะไม่มีสิ่งที่ปกปิดได้ จุดที่สังเกตุได้ง่ายๆ ก็คือหลังมือ เพื่อดูแหวนเพชรบ้าง นาฬิกาบ้าง ดังนั้นหากหลังมือไม่สวยก็อาจจะทำให้เกิดความอับอายได้ รวมถึงบางคนก็ไม่กล้าที่จะใส่เครื่องประดับราคาแพงๆ และที่สำคัญ หลังมือบางทีก็เป็นตัวบ่งบอกอายุได้เป็นอย่างดี ถ้าเห็นหน้าตึงและหลังมือเหี่ยว ก็อาจจะเป็นเครื่องบ่งบอกอายุที่มากขึ้นแล้วนั่นเอง

มือที่มีลักษณะไม่สวยงามหรือดูแก่นั้นมีลักษณะดังนี้

ข้อแรก ตัวผิวหนังชั้นบนที่หลังมือ จะมีความเหี่ยวย่น และความยืดหยุ่น อาจจะมีรอยดำ รอยด่างร่วมด้วย ทั้งนี้เกิดจากความเสื่อมสภาพของผิวหนังชั้นบน โดยเกิดสะสมจากรังสี แสงแดด เนื่องจากหลังมือ เป็นส่วนที่อยู่นอกร่มผ้าจึงถูกรังสี UVตลอดเวลา (Sun Exposed Area) อายุที่มากขึ้นร่วมกับการถูกรังสี UV ทำให้ผิวหนังหลังมือบางส่วนเกิดความเสียหาย จากการเสียคอลลาเจน ความชุ่มชื้น ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น และขาดความยืดหยุ่น

ข้อสอง ความเหี่ยวแฟบของหลังมือ อาจจะทำให้เกิดการปูดโปนของเส้นเลือด ทำให้เห็นเส้นเลือดเขียวๆ บริเวณใต้ผิว ร่วมกับเส้นเอ็นต่างๆ ลักษณะเช่นนี้ อาจจะทำให้เกิดการยุบตัวของชั้นไขมันใต้ผิว (Volume Loss) เมื่อเวลาอายุมากขึ้น ซึ่งก็เปรียบเหมือนการยุบตัวของตำแหน่งบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม รวมถึงขมับนั่นเอง ซึ่งก็จะเห็นเส้นเอ็นปูดโปนขึ้น สำหรับเส้นเลือดที่ปูดโปนนั้นเกิดจากพยาธิสภาพที่มีการเกาะของแคลเซียม และไขมันที่ผนังด้านในของหลอดเลือด ผลลัพธ์คือทำให้รูของหลอดเลือดตีบลง ทำให้แรงดันในหลอดเลือดสูงขึ้นดันให้หลอดเลือดพองออกใหญ่ขึ้นตามกฎของปาสคาล P = F/A  เมื่อ P คือความดัน, F คือแรงกระทำแนวตั้งฉากต่อผนังหลอดเลือด และ A คือพื้นที่หน้าตัดหลอดเลือด

ดังนั้นเมื่อรูหลอดเลือดเล็กลง ความดันจะสูงขึ้น ทำให้ผนังหลอดเลือกโป่งออกมาเพื่อปรับสมดุลย์ แต่หลอดเลือดเหล่านี้ จะแข็งและขาดความยืดหยุ่นเพราะมีตัวไขมันและแคลเซียมไปเกาะแทน (พยาธิสภาพนี้เปรียบได้กับการเกิดเส้นเลือดหัวใจหรือสมองอุดตัน)

นอกจากนี้ในส่วนของนิ้วมือเอง ก็จะมีส่วนของเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิว ซึ่งก็จะฝ่อลงทำให้เห็นนิ้วเรียวผอมและเห็นข้อนิ้วต่างๆ ปูดโปนออกมาได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

รูปแสดงเส้นเอ็น และกล้ามเนื้อระหว่างกระดูกมือ

รูปแสดงเส้นเลือด และเส้นประสาทใต้ผิวหนังหลังมือ

แนวทางการรักษา 

เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มให้ส่วนของเนื้อเยื่อใต้ผิวให้เต็มอิ่มขึ้น เพื่อไปฟิลเลอร์ไปกลบเส้นเลือด และเส้นเอ็นที่ปูดโปน ซึ่งการฉีดเติมเต็มนั้น อาจจะเลือกใช้ไขมันตัวเองก็ได้ หรือฟิลเลอร์ชนิด HA ก็ได้ ซึ่งในอดีตเองนิยมเลือกใช้ไขมันในการเติมเต็มบริเวณหลังมือมากกว่า เพราะฟิลเลอร์ยังมีคุณภาพไม่ดี ทำให้ผลการรักษาแก้ไขอยู่ได้ไม่นาน แต่ปัจจุบันเอง ฟิลเลอร์มีรูปแบบใหม่ๆ ที่มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้มีข้อดี มีคุณสมบัติหลังฉีด ผลลัพธ์ที่ได้ผลและนานกว่าการฉีดไขมันในรูปแบบเดิม

ข้อดีของการใช้ฟิลเลอร์ฉีดเติมหลังมือแก้อาการต่างๆ รวมถึงการเหยี่ยวย่นต่างๆ ให้ดีขึ้น

ข้อแรก การฉีดฟิลเลอร์รูปแบบใหม่ มีรูปแบบเนื้อนิ่มที่ทำให้การฉีดง่ายขึ้น และยังมีคุณสมบัติ Hydro Balance คือช่วยสร้างสมดุลความชุ่มชื้นให้ผิวได้ด้วย  (โดยเฉพาะฟิลเลอร์ในกลุ่ม Skin Booster) ซึ่งจะไม่ใช่แค่การฉีดฟิลเลอร์ไปเติมเต็มแค่หลังมือ แต่ยังจะช่วยฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ให้กับชั้นผิวหนังด้านบนได้ดีด้วย ทำให้ความยืดหยุ่นของผิวกลับมา ริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยดำ รอยด่างของผิวก็ลดลง

ข้อสอง การฉีดฟิลเลอร์หลังมือ สำหรับฟิลเลอร์รุ่นใหม่ๆ หากฉีดได้ถูกวิธี ฉีดถูกชั้นผิว ผลลัพธ์หลังฉีดจะอยู่ได้นานมากกว่า 1 ปี

ข้อสาม การฉีดฟิลเลอร์ จริงๆ แล้วสามารถรักษาจุดเล็ก และมีความละเอียดอ่อนได้มากมาย เช่น บริเวณข้อนิ้ว ข้อพับนิ้ว ซึ่งเป็นจุดที่ใช้การฉีดไขมันแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้

ข้อสี่ การรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์นั้น จะได้ผลลัพธ์หลังการรักษาที่แน่นอนกว่า ซึ่งการฉีดเพียงครั้งแรก ก็จะเห็นผลได้ชัดเจนกว่า ไม่บวม เจ็บตัวน้อยกว่า และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นแต่อย่างใด

ข้อห้า หากหลังฉีดมีปัญหาฟิลเลอร์มีการจับตัวเป็นก้อนบวม ไม่เรียบ ก็สามารถใช้เอ็นไซม์สลายก้อนฟิลเลอร์บางส่วนออกได้ แล้วค่อยทำการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปปรับแต่งใหม่เพิ่มเติมได้ในภายหลัง

ข้อเสียของการใช้ฟิลเลอร์ฉีดเติมหลังมือ

จะบอกว่าการฉีดฟิลเลอร์หลังมือ แก้อาการหลังมือเหี่ยวย่น จริงๆ แล้ว มีแค่ประการเดียวเลย ก็คือ เรื่องของราคาแพง เพราะเนื่องจากการฉีดหลังมือต้องใช้ตัวยาจำนวนมาก เช่น ข้างละ 2-3 หลอด และต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากยุโรปเท่านั้น

ข้อดีของการใช้ไขมันตัวเองฉีดเติมหลังมือ

ก็คือ ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์

ข้อเสียของการใช้ไขมันตัวเองฉีดเติมหลังมือ

ข้อแรก สำหรับคนที่อายุมาก ผอม อาจจะไม่มีไขมันเพียงพอที่จะดูดออกมาฉีดที่มือได้

ข้อสอง อาการบาดเจ็บอาจจะเจ็บหลายครั้ง ทั้งตอนดูดไขมัน และตอนฉีด

ข้อสาม อาจจะต้องฉีดหลายครั้ง กว่าไขมันจะติด เพราะปกติแล้วจะติดเพียงแค่ 20-30% ของจำนนทั้งหมดที่ฉีดเข้าไป นั่นหมายถึงการที่แพทย์จะต้องฉีดหลายครั้ง นั่นก็อาจจะหมายถึงการดูดไขมันที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน แล้วก็ใช่ว่าไขมันที่ดูดออกมาจะใช้ได้ทั้งหมด 100% ซึ่งหากดูดไขมันออกมาจำนวนมาก อาจจะมีผลกระทบต่อเซลล์ไขมันด้วย และที่สำคัญ หลังฉีดแล้วก็อาจจะมีอาการบวมและดูไม่เป็นธรรมชาติ

ข้อสี่ การยุบตัวของไขมัน อาจจะมีโอกาสที่ไม่เท่ากัน นั่นทำให้เกิดปัญหาหลังมือ หลังฉีดแล้ว อาจจะเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ นั่นทำให้หลังมือทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากันได้

ข้อห้า การแก้ไขปัญหาหลังฉีดไขมันแล้ว จะแก้ไขยาก บางเคสก็ต้องรับสภาพนั้นๆ ไปเลย

ข้อหก การฉีดไขมัน จะไม่สามารถฉีดในจุดที่ละเอียดอ่อนได้ อาทิเช่น ข้อนิ้วมือ เป็นต้น

การฉีดไขมันในปัจจุบันเอง ไม่ว่าจะฉีดในตำแหน่งใน เช่น ฉีดหน้า ฉีดมือ มีแนวโน้มจากข้อมูลสถิติที่ลดลง โดยเฉพาะในยุโรป เรียกว่า แทบจะมีการใช้การฉีดฟิลเลอร์มาแทนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เพราะด้วยคุณภาพที่ดีกว่านั่นเอง


และสำหรับชั้นผิวหลังมือนั้น อาจจะต้องเลือกใช้เทคนิคการเสริมสร้างผิวใหม่ด้วยการใช้เทคนิค DNA Booster (อ่านต่อได้ในเรื่อง DNA Booster ในหน้าหลุมสิว-แผลเป็น) มากระตุ้นให้เซลผิวหนังซ่อมแซม และสร้างผิวใหม่ได้ 

  • การฉีดไขมันในปัจจุบันเอง ไม่ว่าจะฉีดในตำแหน่งใน เช่น ฉีดหน้า ฉีดมือ มีแนวโน้มจากข้อมูลสถิติที่ลดลง โดยเฉพาะในยุโรป เรียกว่า แทบจะมีการใช้การฉีดฟิลเลอร์มาแทนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เพราะด้วยคุณภาพที่ดีกว่านั่นเอง
  • และสำหรับชั้นผิวหลังมือนั้น อาจจะต้องเลือกใช้เทคนิคการเสริมสร้างผิวใหม่ด้วยการใช้เทคนิค DNA Booster (อ่านต่อได้ในเรื่อง DNA Booster ในหน้าหลุมสิว-แผลเป็น) มากระตุ้นให้เซลผิวหนังซ่อมแซม และสร้างผิวใหม่ได้
  • ในเรื่องของการใช้เลเซอร์ ในตำแหน่งหลังมือเองก็ต้องมีความระมัดระวังมากๆ เพราะเป็นเนื้อเยื่อหลังมือที่มีรูขุมขนน้อย ทำให้การซ่อมแซมตัวเองได้ไม่ดีเหมือนอวัยวะส่วนอื่นๆ การรักษาผิวหนังบริเวณหลังมือด้วยการเลเซอร์ หรือสารลอกผิว  (Chemical Peel) ทำให้เกิดผลข้างเคียงสูง  อาทิเช่น กรเกิดรอยดำ หรือรอยแผลเป็น นอกจากนี้ผลการรักษาต่างๆ ก็ยังไม่ค่อยได้ผลด้วย

ข้อควรระวัง

เนื่องจากบริเวณหลังมือ มีจุดของเส้นประสาท เส้นเลือด เส้นเอ็นต่างๆ จำนวนมาก จึงไม่ควรเลือกใช้เข็มฉีดปลายแหลม ควรเลือกใช้เข็มปลายทู่ จะมีความปลอดภัยกว่า  การรักษาของแพทย์ก็จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการใช้เข็มปลาทู่ระดับ Advance ขึ้นไป และควรเลือกใช้เข็มปลายทู่ขนาดใหญ่ 25 G ขึ้นไป แต่ถึงแม้จะใช้เข็มปลายทู่ แต่ก็อาจจะพบความเขียวช้ำในบางจุด เป็นเรื่องปกติแต่จะเกิดขึ้นไม่มาก และสามารถหายเองได้ ภายใน 1 อาทิตย์ สิ่งที่ควรระวังและน่ากลัว คือ เรื่องของการติดเชื้อ หากเลือกทำในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ควรเข้าใจและเลือกใช้ฟิลเลอร์ HA แบบใหม่ ที่มีเนื้อนิ่ม ไม่เป็นก้อนเติมเต็มได้ดี (Volumizing) ซึ่งจะอยู่ได้นานกว่า แต่ยังมีข้อจำกัดของเรื่องราคาที่อาจจะแพง เพราะต้องใช้ตัวยาประมาณ 2-3 CC ต่อหลังมือหนึ่งข้าง แต่ก็สะดวกเพราะไม่ต้องฟักฟื้นเลย และผู้รับบริการก็ยังสามารถกลับมาฉีดเติมแต่งได้ตามความต้องการจนพอใจ